แคลมป์มิเตอร์แบบดิจิตอล Digital Clamp Meter
แคลมป์มิเตอร์แบบดิจิตอล Digital Clamp Meter หรือ แคลมป์มิเตอร์แบบตัวเลข เป็นอุปกรณ์ที่ใช้ในการวัดค่ากระแสไฟฟ้า (Current Measurement) โดยที่เราไม่ต้องตัดต่อสายไฟเพื่อวัดค่ากระแสโดย Clamp Meter สามารถอ่านค่ากระแสไฟฟ้าได้เลยโดยไม่ต้องเสียเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ายึดถูกปิดรอบสองตัวนำไฟฟ้าถือสายเคเบิลไปยังอุปกรณ์การไหลของกระแสเดียวกันลงหนึ่งตัวนำและอื่น ๆ ขึ้นกับปัจจุบันสุทธิของศูนย์ แคลมป์มิเตอร์มักจะขายพร้อมกับอุปกรณ์ที่เสียบในระหว่างปลั๊กไฟและอุปกรณ์ที่จะได้รับการทดสอบ อุปกรณ์เป็นหลักสายไฟต่อสั้น ๆ กับสองตัวนำแยกเพื่อให้ยึดสามารถวางอยู่รอบเพียงหนึ่งตัวนำ

ข้อดี-ข้อเสีย ของโฟโต้อีเล็กทริกเซนเซอร์
โฟโต้อิเล็กทริกเซนเซอร์ (Photoelectric Sensor) หรือเรียกว่า สวิทซ์ลำแสง มีลักษณะรูปร่างจะมีทั้งทรงกระบอกและทรงสี่เหลี่ยมตามแต่ละรุ่นแตกต่างกันไป โดยใช้แสงในการตรวจจับวัตถุที่ต้องการซึ่งแสงที่ใช้นั้นจะมีทั้งแบบอินฟาเรด (infrared) และแบบแสงสีแดง (Red LED) โดยโฟโต้อิเล็กทริกเซนเซอร์มีส่วนประกอบสำคัญ 2 ส่วน คือ ตัวส่งแสง (emitter) และตัวรับแสง (receiver) ลักษณะการตรวจจับเกิดจากการที่ลำแสงจากตัวส่งแสง ส่งไปสะท้อนกับวัตถุหรือถูกขวางกั้นด้วยวัตถุ ส่งผลให้ตัวรับแสงรู้สภาวะที่เกิดขึ้น และเปลี่ยนแปลงสภาวะของสัญญาณทางด้านเอาต์พุตเพื่อนำไปใช้งานต่อไป

เซ็นเซอร์ประเภทนี้ โดยทั่วไปจะมีระยะการตรวจจับที่ 0–200 เมตร เป็นเซ็นเซอร์ที่เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการความเร็วในการตรวจจับ และงานที่ไม่ต้องการสัมผัสกับตัววัตถุ แต่จะไม่ค่อยเหมาะกับการติดตั้งในบริเวณที่มีฝุ่นเยอะ หรืองานที่มีสารเคมีที่สามารถกัดกร่อนอย่างรุนแรงได้ เนื่องจากจะทำให้ระยะในการตรวจจับ และความแม่นยำในการตรวจจับลดลงเป็นอย่างมาก นิยมใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตตรวจจับตำแหน่งของชิ้นงานในสายการผลิต, ใช้ในระบบการตรวจนับจำนวนวัตถุ และมีข้อดี และข้อเสียดังต่อไปนี้
ข้อดี
- ความแม่นยำสูง: สามารถตรวจจับวัตถุที่มีขนาดเล็กหรือมีการเคลื่อนไหวเร็วได้อย่างแม่นยำ
- ระยะตรวจจับกว้าง: สามารถปรับระยะการตรวจจับได้ตามต้องการ
- ติดตั้งง่าย: มีขนาดเล็กและสามารถติดตั้งได้ในพื้นที่จำกัด
- ตอบสนองเร็ว: มีเวลาตอบสนองที่รวดเร็ว ทำให้เหมาะกับการใช้งานในระบบอัตโนมัติ
ข้อเสีย
- การรบกวนจากแสงภายนอก: แสงจากภายนอกที่แรงเกินไปอาจทำให้การตรวจจับไม่แม่นยำ
- การบำรุงรักษา: ตัวรับแสงและตัวส่งแสงอาจต้องทำความสะอาดเป็นระยะเพื่อรักษาประสิทธิภาพการทำงาน
- การสะท้อนแสงที่ไม่คาดคิด: วัตถุที่มีพื้นผิวสะท้อนแสงมากเกินไปอาจทำให้เซนเซอร์ตรวจจับผิดพลาด
ดูรายละเอียดสินค้าเพิ่มเติมได้ที่ >> https://cutt.ly/photoswitch_SPL
ความสำคัญของการวัดอุณภูมิ ในบ้านนอกนางแอ่น
ความสำคัญของการวัดอุณหภูมิในบ้านนกนางแอ่น บ้านนกนางแอ่นเป็นโครงสร้างที่ออกแบบมาเพื่อเลี้ยง และดึงดูดนกนางแอ่นให้เข้ามาทำรัง และอยู่อาศัย การสร้างบ้านนกนางแอ่นมีจุดประสงค์หลักคือการเก็บเกี่ยวรังนก ซึ่งมีมูลค่าสูงในตลาด โดยเฉพาะในตลาดเอเชีย เนื่องจากรังนกถือเป็นสินค้าหรูหราและมีสรรพคุณทางยา และโภชนาการสูง อย่างไรก็ดีนอกจากจะคำนึงถึงเรื่อง โครงสร้าง และการออกแบบภายใน อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามนั่นก็คือ การวัดอุณหภูมิในบ้านนกนางแอ่น เพราะหากอุณหภูมิสูงหรือต่ำเกินไป นกอาจจะไม่มาทำรังหรืออาจย้ายไปที่อื่นโดยอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับนกนางแอ่นอยู่ในช่วงประมาณ 26-30°C ความชื้นควรอยู่ระหว่าง 70-85% ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการสร้างรัง และการเพาะพันธุ์, ป้องกันการเกิดโรค และความเครีย และยังเพิ่มผลผลิตกับคุณภาพของรังนกได้อีกด้วย

ซึ่งแน่นอนว่าการทำให้อุณหภูมิ และความชื้นอยู่ในตัวเลขที่เหมาะสม จะต้องทำการใช้ระบบระบายอากาศ, พัดลม, และเครื่องปรับอากาศสามารถช่วยในการควบคุมอุณหภูมิ และความชื้นได้ ทั้งนี้ควรจะติดตั้ง เครื่องควบคุมความชื้น และเครื่องวัดอุณหภูมิ เพื่อให้ได้รังนกที่มีคุณภาพ พร้อมส่งต่อในตลาดได้ราคาสูง
สุพรีมไลนส์ขอแนะนำ “เครื่องควบคุมความชื้น FOX-1H CONOTEC” ที่จะเข้ามาช่วยในการควบคุมความชื้นภายในบ้านนกนางแอ่น ให้อยู่ระหว่าง 70-85% ซึ่งถ้าหากตัวเลขเกิน หรือต่ำกว่านี้ ทางผู้ดูแลสามารถใช้ระบบระบายอากาศเพื่อช่วยในการควบคุมได้ทันท่วงที ไม่กระทบต่อผลผลิต
ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ >> https://cutt.ly/conotec-fox1h_SPL
คุณสมบัติทั่วไป ของสายเทอร์โมคัปเปิล และ อาร์ทีดี
สายเทอร์โมคัปเปิลและอาร์ทีดี เป็นสายเชื่อมต่อที่ใช้ในการวัดอุณหภูมิ โดยมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมต่อระหว่างเซ็นเซอร์วัดอุณหภูมิกับเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการแปลงและแสดงผลข้อมูลอุณหภูมิ🌡️ โดยสายเทอร์โมคัปเปิลจะเชื่อมต่อระหว่างเซ็นเซอร์เทอร์โมคัปเปิล (ทำจากโลหะสองชนิดที่ต่างกัน) กับเครื่องมือวัดอุณหภูมิ ซึ่งทำหน้าที่แปลงแรงดันไฟฟ้าที่เกิดจากอุณหภูมิแตกต่างเป็นค่าของอุณหภูมิ และสายอาร์ทีดีจะเชื่อมต่อระหว่างเซ็นเซอร์ RTD (ที่มีความต้านทานไฟฟ้าเปลี่ยนแปลงตามอุณหภูมิ) กับเครื่องมือวัดอุณหภูมิ ซึ่งทำหน้าที่วัดความต้านทานและแปลงเป็นค่าของอุณหภูมิ ซึ่งสายเทอร์โมคับเปิลและอาร์ทีดีมีให้เลือกใช้หลายชนิดตามลักษณะการนำไปใช้งานโดยแบ่งได้ 3 แบบคือ 1.สายหุ้มฉนวน PVC, 2. สายหุ้มฉนวนไฟเบอร์กล๊าส และ 3. สายหุ้มฉนวนสแตนเลสซิลด์ โดยโครงสร้างทั้วไปจะประกอบไปด้วย ลวดตามชนิดของเทอร์โมคัปเปิลหรือ SENSER RTD และหุ้มด้วยฉนวนตามชนิดของสายอีกที่

คุณสมบัติทั่วไปของสายเทอร์โมคัปเปิล และอาร์ทีดี
- สายหุ้มฉนวนพีวีซี (PVC INSULATION) เป็นวัสดุที่มีความทนทานต่อสารเคมี ความชื้น การกัดกร่อน และฉนวนไฟฟ้าที่ดี ไม่ลามไฟ ช่วยป้องกันการรั่วไหลของกระแสไฟฟ้า และป้องกันการช็อตไฟฟ้า เหมาะกับงานที่มีความเปียกชื้น เช่น งานห้องเย็นอุตสาหกรรมอาหาร เป็นต้น อุณหภูมิที่ใช้งานอยู่ในช่วง –20 องศา ถึง 100 องศา
- สายหุ้มฉนวนไฟเบอร์กล๊าส (GLASS FIBER) สายไฟที่มีฉนวนทำจากเส้นใยแก้ว มีความทนทานต่อสารเคมีและการกัดกร่อนจากสภาพแวดล้อมที่มีสารเคมี มีความแข็งแรงและทนทานสูง สามารถทนต่อการเสียดสี การดึง และการกระแทกได้ดี เหมาะกับงานที่แห้งไม่มีความเปียกชื่น เช่นงานฉีดพลาสติก อุตสาหกรรมพลาสติก เป็นต้น อุณหภูมิที่ใช้งานอยู่ในช่วง 0 องศา ถึง 270 องศา
- สายหุ้มฉนวนสแตนเลสซีลด์ (GLASS FIBER STEEL) เป็นสายที่ถักด้วยสแตนเลสช่วยเพิ่มความแข็งแรงและทนทานต่อการกระแทก การดึง และการเสียดสี ทำให้สายสามารถใช้งานได้ในสภาพแวดล้อมที่มีความรุนแรง ทนต่ออุณหภูมิสูง ป้องกันการรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า และไฟฟ้าสถิต ทนทานต่อการลามไฟ สารเคมี เหมาะกับงานที่แห้งไม่มีความเปียกชื่น สามารถทนต่อการใช้งานหนัก การขีดข่วน เช่น งานเป่าขวดน้ำพลาสติก อุตสาหกรรมยางรถยนต์ เป็นต้น อุณหภูมิที่ใช้งานอยู่ในช่วง 0 องศา ถึง 270 องศา