วัตถุดิบแต่ละประเภทควรอยู่ที่อุณหภูมิเท่าไหร่
การตั้งอุณหภูมิสำหรับสินค้าแต่ละชนิดจะแตกต่างกันออกไป ซึ่งหากมีการตั้งอุณภูมิสินค้าผิดพลาด อาจส่งผลให้ทำให้อาหาร หรือวัตถุดิบที่ต้องการจำหน่ายมีแบคทีเรีย และเกิดการเน่าเสียได้ง่าย ดังนั้นแล้ว วันนี้สุพรีมไลนส์ จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับอุณภูมิที่เหมาะสมกับวัตถุดิบกัน
- อาหารปรุงสุก 72°C-82°Cควรเก็บอาหารที่อุณหภูมิ 60°C (140°F) หรือร้อนกว่า เหมาะสมสำหรับการปรุงอาหารชนิดต่างๆ โดยการปรุงเนื้อสัตว์ต่างๆ หากมีอุณภูมิต่ำกว่า 4°C-60°C จะทำให้แบคทีเรียสามารถเติบโตได้เร็ว ซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษได้
- อาหารแช่เย็นวัตถุดิบที่เป็นของสด ควรอยู่ในอุณหภูมิ 4°C หรือเย็นกว่า สำหรับเนื้อสัตว์ถ้าต้องการเก็บไว้เป็นเวลานานๆ ควรมีอุณหภูมิที่ต่ำกว่า -18°C อาหารทะเลควรเก็บไว้ในช่วงอุณหภูมิที่ต่ำกว่า 0°C และ -18°C ส่วนผักสดและผลไม้ เก็บไว้ในตู้เย็นที่มีอุณหภูมิระหว่าง 4°C – 10°C ไม่ควรแช่ผักและผลไม้ในอุณหภูมิที่ต่ำกว่านี้ เพราะจะทำให้วิตามินและแร่ธาตุลดลงได้ และผลไม้บางชนิดก็ไม่เหมาะกับการแช่เย็น เพราะความเย็นอาจทำให้เนื้อผลไม้ช้ำ และเสียรสชาติได้
(ข้อมูลจาก : แม็คโคร)
ทั้งนี้แล้วหากยังกังวลเกรงวาจะตั้งค่าอุณภูมิที่ไม่เหมาะสมสำหรับวัตถุดิบอยู่ เราขอแนะนำ “เครื่องวัดอุณหภูมิสำหรับตู้แช่” รุ่น FOX-X10 และ FOX-MR20 ช่วยวัดอุณหภูมิในตู้แช่เพื่อให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเก็บรักษา โดยเครื่องวัดชนิดนี้ การทำงานด้วยระบบเซ็นเซอร์ เพื่อให้อ่านค่าได้รวดเร็ว และมีหน้าจอที่แสดงผลตัวเลขอ่านง่าย ซึ่งทำให้การปรับเปลี่ยนอุณภูมิเป็นไปได้ตามความเหมาะสมของวัตถุดิบนั้นๆ
เกจวัดอุณหภูมิแบบเข็ม (Thermocouple)
เป็นอุปกรณ์สำหรับใช้วัดอุณหภูมิของเหลว และอากาศทั่วไป ซึ่งการทำงานของเกจวัดอุณหภูมิแบบเข็ม จะทำงานต่อเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิ จะมีการสร้างแรงดันไฟฟ้าในเกจ แรงดันไฟฟ้านี้จะถูกวัดและนำไปใช้ในการคำนวณหาอุณหภูมิที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่จะใช้ในอุตสาหกรรมระบบนิวเมติกส์ ไฮดรอลิก และระบบประบอากาศ ซึ่งเป็นระบบที่ปิดจึงสามารถทราบค่าแรงดันได้
เกจวัดอุณหภูมิแบบเข็มมีข้อดีที่สามารถทนต่ออุณหภูมิสูงได้, มีความไวต่อการตอบสนอง, และมีความแม่นยำในการวัดอุณหภูมิ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://cutt.ly/thermometer-gauge_SPL
ฮีตเตอร์เส้น ใช้งานกับอุตสาหกรรมใดบ้าง
ฮีตเตอร์เส้น (Cable Heaters) อุปกรณ์รักษาอุณภูมิของท่อในระบบอุตสาหกรรมต่างๆ ป้องกันการแข็งตัวของสารต่างๆ ให้อยู่ในอุณหภูมิที่ต่ำ หรือเพื่อรักษาความร้อนในกรณีที่จำเป็น ซึ่งนิยมใช้ในอุตสาหกรรมต่อไปนี้
1. อุตสาหกรรมปิโตรเคมี เพื่อช่วยให้อุณหภูมิสำสม่ำเสมอ ป้องการการแข็งตัว
2. อุตสาหกรรมอาหาร ใช้ในการรักษาความร้อนสำหรับท่อส่งของเหลว
3. อุตสาหกรรมพลาสติก ใช้ควบคุมอุณภูมิของพลาสติกที่ถูกเปลี่ยนรูป หรือตัด
4. อุตสาหกรรมประมง ใช้ในการรักษาความอุ่นในท่อที่ใช้สำหรับการขนส่งน้ำหล่อเย็น
5. อุตสาหกรรมพลังงาน ใช้ในการรักษาความอุ่นในท่อหรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการพลังงาน
เพราะอะไร ถึงต้องมีเครื่องควบคุมความชื้นในโรงเรือนเพาะปลูก
เนื่องจากความชื้นในอากาศมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืชและประสิทธิภาพในการเพาะปลูก นอกจากนี้ยังมีผลต่อสุขภาพของผู้อยู่ในสภาพแวดล้อมนั้นด้วย วันนี้ Supremelines จะพามาไขข้อสงสัยไปพร้อมกัน ว่าการใช้เครื่องควบคุมความชื้นในโรงเรือนมีหลายประโยชน์ต่อการเกษตรอย่างไรบ้าง
- สุขภาพพืช: ความชื้นในอากาศมีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช. การควบคุมความชื้นที่เหมาะสมช่วยลดความเสี่ยงของโรคพืชและสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโตของพืช
- ประสิทธิภาพการเพาะปลูก: การควบคุมความชื้นที่เหมาะสมช่วยให้ประสิทธิภาพในการเพาะปลูกมีค่าสูงขึ้น. มันช่วยลดการสูญเสียน้ำ, ลดความเสี่ยงจากโรค, และเพิ่มผลผลิต
- คุณภาพอากาศ: การควบคุมความชื้นช่วยในการบริหารจัดการคุณภาพอากาศในโรงเรือน ทำให้สภาพแวดล้อมมีความสมดุลและเหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัย
- ป้องกันรา: ความชื้นสูงส่งเสริมการเจริญเติบโตของราและเชื้อรา การควบคุมความชื้นช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคที่เกี่ยวกับราและเชื้อรา
- สุขภาพของมนุษย์: สำหรับการอยู่อาศัยในโรงเรือนหรือสถานที่ที่มีความชื้นสูง การควบคุมความชื้นช่วยลดความอับชื้น ลดการเจริญเติบโตของเชื้อราที่อาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพ
- การปรับอุณหภูมิ: บางระบบควบคุมความชื้นสามารถทำงานร่วมกับระบบควบคุมอุณหภูมิ เพื่อให้ได้สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมทั้งในเรื่องของความชื้นและอุณหภูมิ
-เครื่องควบคุมความชื้น (Humidity Controller) รุ่น FOX-1H
-อินพุต :: หัววัดความชื้น HS-220 (สายยาว 3 เมตร)
-เอาท์พุต :: 1 รีเลย์ : 3A / 250VAC
-ไฟเลี้ยง :: 220VAC 50/60Hz
-การควบคุม :: ON/OFF
-อุณหภูมิขณะใช้งาน :: 0 C° ถึง 55C°, ความชื้น 35 ถึง 80% RH
-การแสดงผล :: LED 7 SEGMENTS สีแดง
ข้อมูลเพิ่มเติม https://bit.ly/3vlH6Y4